0
  • An empty cart

    You have no item in your shopping cart

0
  • An empty cart

    You have no item in your shopping cart

Enter your keyword

คอร์สติวสอบตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม)

Sold
Live Streaming คอร์สติวตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม)
88

Live Streaming คอร์สติวตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม) 2565

4,500.00฿

คอร์สติวสอบตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม) ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 13 วันต่อเนื่อง เริ่มคอร์สวันอังคารที่ 10 ส.ค. 2564 ปิดคอร์ส วันอาทิตย์ที่ 22 ส.ค. 2564 เป็นการไลฟสด สามารถดูรายละเอียดตารางเรียนได้จากด้านล่างครับ รวมเวลาเรียนทุกวิชาที่ใช้สอบ 30 ชั่วโมง โดยที่น้องจะได้เข้าเรียนสดกับพี่ๆติวเตอร์และสามารถดูวีดีโอย้อนหลังได้ไม่จำกัดเวลา รับรองว่าได้เนื้อหาสรุปรวบยอดในแต่ล่ะรายวิชาอย่างตรงแนวข้อสอบอย่างเต็มที่ คลอบคลุมหัวข้อที่ออกข้อสอบทั้งหมด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นหน่วยงานในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ตรวจบุคคลและพาหนะที่เดินทางเข้าออกมายังภายในประเทศ พร้อมทั้งตรวจสอบคนต่างด้าวที่อาจเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย

ด้วยสำนักงานตำรวแห่งชาติได้มอบหมายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ดำเนินการรับสมัครและ สอบแข่งขันบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) หรือเทียบเท่า เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ยศสิบตำรวจตรี ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่ กลุ่มงานอำนวยการและสนับสนุน ในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยวิธีการสอบแข่งขัน

ปล. ต้องเป็นผู้ผ่านการทดสอบความรู้ภาษาต่างประเทศ กรณีใดกรณีหนึ่ง ดังต่อไปนี้

คอร์สติวสอบตำรวจตรวจคนเข้าเมือง

เงื่อนไขการสอบแข่งขัน แบ่งเป็น 2 รอบ ดังนี้

การสอบรอบแรก

  • ความสามารถทั่วไป จำนวน 15 ข้อ
  • ภาษาไทย จำนวน 15 ข้อ

ข้อสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ รวม 30 คะแนน

  • พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 กฎกระทรวงและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จำนวน 50 ข้อ
  • ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 15 ข้อ
  • สังคม วัฒนธรรมและจริยธรรม และความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน จำนวน 20 ข้อ
  • ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) จำนวน 15 ข้อ
  • พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยประมวลจริยธรรม และจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 10 ข้อ
  • คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 10 ข้อ

ข้อสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 120 ข้อ รวม 120 คะแนน

ผลการทดสอบ ใช้เกณฑ์คะแนนในแต่ละภาคไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ถือว่าผ่านการทดสอบ แล้วนำคะแนนมารวมจัดลำดับจากมากที่สุดไปหาน้อยไม่เกินลำดับที่ 160

การสอบรอบสอง

1. การตรวจสอบคุณสมบัติ ประวัติและความประพฤติ เป็นการพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดหรือไม่โดยจะทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้สมัครเพื่อตรวจสอบประวัติไปยังกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สถานีตำรวจท้องที่ที่ผู้สมัครมีภูมิลำเนา, ระบบสารสนเทศตำรวจ (POLIS) และระบบสารสนเทศสถานีตำรวจ (CRIMES) รวมทั้งตรวจสอบประวัติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดกับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หากผู้ใดมีประวัติถูกลงโทษหรือความประพฤติตามที่กำหนดไว้ในเรื่องของคุณสมบัติจะถูกตัดสิทธิไม่ให้เป็นผู้สอบแข่งขันได้ผลการตรวจสอบ จะใช้เกณฑ์ “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ผู้ตรวจสอบคุณสมบัติผ่านจะได้ 100 คะแนน ผู้ที่ไม่ผ่านจะได้ 0 คะแนน

2. การสอบสัมภาษณ์ ท่วงทีวาจา และความเหมาะสมเป็นการประเมินบุคคลเพื่อพิจาณาความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติกรทำงาน พฤติกรรม ความรู้ความสมารถประสบการณ์ บุคลิกลักษณะ ท่วงที วาจา ปฏิภาณไหวพริบ อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติ จริยธรรมและคุณธรรม เป็นต้น ผลการสอบถือความเห็นของคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งขึ้นถือเป็นเด็ดขาด ผลการสอบ จะใช้เกณฑ์ “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ผู้สอบผ่านจะได้ 100 คะแนน ผู้ที่ไม่ผ่าน จะได้ 0 คะแนน

3.การตรวจร่างกายและการทดสอบสุขภาพจิต ผลการตรวจ ถือความเห็นของคณะกรรมการแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานแพทย์ใหญ่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติถือเป็นเด็ดขาด จะไม่รับพิจารณาผลการตรวจร่างกายที่ผู้สมัครได้รับการตรวจร่างกาย หรือได้รับใบรับรองการตรวจร่างกายจากสถานที่อื่นๆ กรณีผู้สมัครสอบที่จะมาเข้ารับการตรวจร่างกายตามกำหนดและเป็นผู้ที่เคยมีประวัติการรักษาโรคหรืออาการตามบัญชีโรคหรือาการในผนวก ก. และ ผนวก ข. มาก่อนและหายเป็นปกติแล้วก่อนถึงกำหนดการตรวจร่างกายของคณะกรรมการแพทย์โงพยาบาลตำรวจตามกำหนดการสอบแข่งขันครั้งนี้ให้นำประวัติและใบรับรอแพทย์เกี่ยวกับการรักษาที่หายป็นปกติก่อนวันตราจร่างกายดังกล่าว แล้วนำมายื่นในวันรายงานตัวเข้าตรวจร่างกาย เพื่อให้ผลการวินิฉัยการตรวจโรค หรืออาการตามกำหนด เป็นไปโดยถูกต้อง และเพื่อเป็นการรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้สมัครสอบเอง การตรวจจะใช้เกณฑ์ “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ผู้ผ่านการตรวจจะได้ 100 คะแนน ผู้ที่ไม่ผ่านจะได้ 0 คะแนน

ทั้งนี้ กำหนดให้ผู้สมัครสอบภาคความรู้ความสามารถทั่วไป และภาคความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งก่อน แล้วจึงให้ผู้ที่สอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนดเข้าสอบในภาคความเหมาะสมกับตำแหน่งตามจำนวนที่ผู้ดำเนินการสอบแข่งขันกำหนด

คะแนนที่ได้ในรอบสอง ไม่สามารถนำไปรวมเข้ากับการสอบข้อเขียนในรอบแรก
เพื่อจัดลำดับเป็นผู้สอบแข่งขันได้